หลังจากผิดหวังในการพลาดไปเล่นฟุตบอลโลกในปี 2018 แต่ในปีนี้ อัศวินสีส้ม พวกเขาได้กลับมาลงเล่นในเวทีอันทรงเกียรตินี้อีกครั้ง ภายใต้การคุมทีมของกุนซือมากประสบการณ์อย่าง หลุยส์ ฟาน กัล โดยฟอร์มในช่วงหลังพวกเขาถือว่าน่าประทับใจในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ทำให้ในฟุตบอลโลกปีนี้ เนเธอร์แลนด์ เป็นอีกหนึ่งทีมที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ของ หลุยส์ ฟาน กัล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงหลัง ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ในระหว่างช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายนที่ผ่านมา โดยพวกเขาลงเล่นไป 6 นัด เก็บได้ถึง 16 คะแนน ในการลงเล่นกับทีมชาติโปแลนด์, เบลเยียม และ เวลส์ ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีเช่นนี้ นั่นหมายความว่า ทีมของอดีตกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้บอกพวกเราอยู่ว่า พวกเขาพร้อมแล้วสำหรับฟุตบอลโลก 2022

ทัพอัศวินสีส้ม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกซึ่งจบลงด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม จี ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ โดยผู้เล่นที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมก็คือ เมมฟิส เด ปาย ตัวรุกของ บาร์เซโลนา ที่ทำไปทั้งหมด 12 ประตูในรอบคัดเลือก

ผลงานในฟุตบอลโลกรอบล่าสุดในปี 2018 พวกเขาไม่ได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายหลังพวกเขาตกรอบคัดเลือกโซนยุโรป ทำให้ครั้งล่าสุดที่พวกเขาลงเล่นในฟุตบอลโลกต้องย้อนไปในปี 2014 โดยในปีนั้นพวกเขาทำผลงานได้ดีจนสามารถผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ ก่อนที่จะแพ้ให้กับรองแชมป์ในปีนั้นอย่าง อาร์เจนตินา

ในขณะที่ฟุตบอลโลกปีนี้ หลุยส์ ฟาน กัล ได้ตัวนักเตะที่ทำผลงานได้โดดเด่นในเกมลีกมากันครบ นำทัพมาโดย เวอร์จิล ฟาน ไดค์, สตีเฟน เบิร์กไวน์, แฟรงกี้ เดอ ยอง และ เมมฟิส เด ปาย

ดาวเด่น : แฟรงกี้ เดอ ยอง

มิดฟิลด์ชาวดัตช์ของ บาร์เซโลนา เป็นหนึ่งในนักเตะที่ฟอร์มโดดเด่นและคงเส้นคงวามากที่สุด ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายการเสริมทัพของหลาย ๆ ทีมในยุโรป โดยเฉพาะกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

จุดเด่นของ เดอ ยอง ก็คือการลำเลียงบอลจากแดนหลังขึ้นหน้าได้ดี, สร้างสรรค์เกมรุกได้หลากหลาย และยังสอดขึ้นมาทำประตูได้บ่อยครั้ง โดยในปีนี้ เขาจะกลายมาเป็นหัวใจในแดนกลางอย่างเต็มตัว เนื่องจากรุ่นพี่อย่าง จอร์จินิโย ไวจ์นัลดุม ได้รับบาดเจ็บหนักจนไม่สามารถลงเล่นได้ทันในทัวร์นาเมนต์นี้

กัปตันทีม : เวอร์จิล ฟาน ไดค์

แม้ฟอร์มของทีมต้นสังกัดของเขาอย่าง ลิเวอร์พูล จะไม่ค่อยดีนัก แต่ตัวนักเตะอย่าง ฟาน ไดค์​ ยังคงเป็นกองหลังที่มีความแข็งแกร่ง ไว้ใจได้, มีความเป็นผู้นำสูง และสั่งการเพื่อนร่วมทีมได้ดี ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจาก ฟาน กัล ให้เป็นกัปตันมาโดยตลอดในช่วงหลัง

ดาวรุ่ง : โคดี กัคโป

กองหน้าจาก พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงกับต้นสังกัดมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว จนมาถึงฤดูกาลนี้ที่เขาทำไปแล้ว 13 ประตูกับอีก 17 แอสซิสต์ ทำให้เขากลายเป็นหัวหอกที่ได้รับความสนใจจากบิ๊กทีมของยุโรปในตลาดหน้าหนาวที่กำลังจะถึงนี้ และคาดว่าด้วยผลงานที่โดดเด่นเช่นนี้ กัคโป จะได้รับหน้าที่เป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของทีมชุดนี้ ด้วยวัยเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น

ผู้จัดการทีม : หลุยส์ ฟาน กัล

หลังกลับมาคุมทีมชาติในครั้งนี้ ซึ่งเป็นรอบที่ 3 ของเจ้าตัวแล้ว เขาพาทีมอัศวินสีส้มเก็บชัยชนะได้ถึง 11 เกม และเสมอ 4 จากการคุมทีมทั้งหมด 15 นัดหลัง ด้วยแท็คติกของเขาที่เน้นสร้างเกมตั้งแต่แดนหลัง, เน้นครองเกมตรงกลางและทำเกมรุกจากริมเส้นทั้ง 2 ฝั่ง โดยมี เดอ ยอง เป็นตัวลำเลียงบอลขึ้นไปในแดนหน้าเพื่อสร้างสรรค์เกมรุก

ทำให้ถึงแม้ว่า เนเธอร์แลนด์ จะมีสตาร์ในทีมไม่เยอะเท่าทีมอื่น แต่วิธีการเล่นของพวกเขาถือว่าน่าสนใจและน่าจะสู้กับทีมใหญ่ ๆ ได้ดีเลยทีเดียว

11 ผู้เล่นตัวจริง

แผน 3-4-3

เมมฟิส เด ปาย, โคดี กัคโป, สตีเฟน เบิร์กไวน์

ดาลี บลินด์, แฟรงกี้ เดอ ยอง, ทึน คูปไมเนอร์ส, เดนเซล ดุมฟรีส์

เนธาน อาเก้, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, ยูร์เรียน ทิมเบอร์

เรมโก้ พาสเฟียร์

อัตราต่อรองแชมป์

14/1

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ