“โค้ชจุ่น” เผยไทยมีปัญหาที่โครงสร้างทำให้ฟุตบอลเยาวชนไม่ประสบความสำเร็จ และไม่แข็งแรงพอจะต่อยอดไปชุดใหญ่

“โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด อดีตกุนซือทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี และผู้ช่วยกุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เคลียร์ริมเส้น ทางช่อง ไทยรัฐสปอร์ต ถึงสาเหตุที่ทำให้ฟุตบอลไทยในระดับเยาวชนผลงานไม่เป็นไปตามเป้า และกระทบไปจนถึงการสร้างนักเตะสู่ทีมชุดใหญ่ในอนาคต

ช้างศึก ถูกวิจารณ์อย่างหนักในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลงานทุกชุดไม่เป็นไปตามความคาดหวัง และเป้าหมายของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดนเฉพาะทัวร์นาเมนต์ระดับเยาวชนที่น่าผิดหวังกับการเจอคู่แข่งในอาเซียน ที่เอาชนะได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตามสมาคมฯ ได้แก้ปัยหาด้วยการร่วมมือกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะเข้ามาพัฒนาทีมเยาวชนช้างศึก พร้อมวาวเป้าหมายว่าในปี 2024 ที่จะมีการคัดเลือก AFC U19 ไทยจะต้องเข้ารอบ 8 ทีม หรือเป็นท็อป 10 เอเชีย และไปฟุตบอลโลก U20 ปี 2025

“มีผู้เล่นที่เก่ง แต่ขึ้นทะเบียนไม่ทันมันหลุดตกไปเยอะ” โค้ชจุ่น เริ่มกล่าว

“ระบบเราโดนกั้น เรามีโครงสร้างจำกัดแค่ 50 คน ในการที่เด็กที่โดนคัดกรองโดยสมาคมฯ ที่เล่น U13 ติดทีมชาติไล่ขึ้นมา เราก็เห็นโครงสร้างนี้ แต่เด็กที่มีความสามารถ โครงสร้างรายชื่อเขาไม่มี และเขาไม่มีโอกาส เรื่องนี้มันต้องไปตั้งคำถามว่า โครงสร้างที่คัดมาแล้ว ปัจจุบันเขาเก่งไหม เป็นยังไง ใครตามให้ เรามัวดูกันแต่เปเปอร์ไม่ได้ลงไปหน้างานในแต่ละโซน”

“เรื่องนี้ผมตั้งคำถามว่า บทสุดท้ายทำไมเวียดนามเขาถึงดีกว่าเรา เขามีโครงสร้าง มีแคมป์ทีมชาติมีโครงสร้างหลักในการที่สามารถเลือกผู้เล่นแต่ละอคาเดมี่หรือสโมสรต่างๆ มาประกอบร่างได้ เขาให้เวลาอย่างไร สโมสรยอมรับอย่างไรว่ามาอยู่แคมป์เขาแล้วพฤติกรรมกลับไปสโมสรจะดี”

“เชื่อเลยว่าต่อให้เวียดนามเก่งอย่างไร ถ้ามาเทียบ 11 ตัว ผมมองว่าศักยภาพเด็กไทย เทคนิค คุณภาพ ความสามารถไอเดียการเล่น การเล่นร่วมกัน ไทยดีกว่า แต่การประกอบร่างหรือพอเล่นเป็นแพสชั่นในเรื่องของทีมเราสู้เขาไม่ได้”

โค้ชจุ่น กล่าวต่อถึงสมัยที่คุมทีมช้างศึก ไปแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ว่า “ความหมายที่ผมพยายามตั้งคำถามตลอดคือ อะไรที่เรามองว่าอาเซียนเขาด้อยกว่าเรา ถ้าเราจะพัฒนา หนึ่งวิธีการเล่น หรือสองผลการแข่งขัน หรือสามเรื่องของการเตรียมทีม เมื่อก่อนเวลาเราไปเจอออสเตรเลียตอนไปแข่ง U19 เขายกรถบัสให้กับทีมงานเลยหนึ่งคัน เขามีอาหาร มีพ่อครัวประจำทีม เขาข้ามอาเซียนในมุมของเรา”

“ของเราที่ไปมีทีมงานอยู่ 6 คน ดูแลนักฟุตบอลอย่างบ้านๆ กินก็กินตามที่เขาจัดให้ เราไม่สามารถที่จะซัพพอร์ตเช่ารถบัสให้ทีมงานอีกคัน วิตามิน โปรตีนเพิ่มเติมไม่มี เราก็ไปเหมือนอาเซียนด้วยกันนี่แหละ”

“เขาข้ามอาเซียนด้วยเรื่องการจัดการ พอไปมองวิธีการเล่น เราข้ามอาเซียนด้วยวิธีการเล่น เราแข็งแกร่งกับทีมที่รู้ว่าอยากชนะเราอย่างไร เมียนมา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ เขาอยากชนะเราทั้งนั้น ใครเจอเราในอาเซียนเขามองว่าถ้าชนะไทยได้นั่นคือความสำเร็จมากกว่าคำว่าแชมป์ แต่เราจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น”

“มันก็ไปมองเรื่องของวิธีการ แทคติก เรื่องของผู้เล่นที่เลือกมาเข้าระบบที่โค้ชต้องการ ผมเลยถามว่า เราก้าวข้ามอาเซียนด้วยการที่โกหกตัวเองว่าเราเหนือกว่าเขา เราชนะ 1-0 แต่วิธีการเล่นไม่ได้มีองค์ประกอบที่จะไปต่อยอดอย่างแข็งแรง”

“ทำไมญี่ปุ่นเขาเอาชุดไหนเล่นเขาก็เล่นได้มาทดแทนกันได้ ก็เพราะโครงสร้างผู้เล่น คุณภาพของผู้เล่นที่เข้ามา เขารู้ว่าเลือกมาแล้วมันทดแทนกันได้ ไม่มีตัวหลัก แต่ระบบเขาแข็งแรง”

“แต่บทสุดท้ายปัจจัยสำคัญอยู่ที่เมื่อไหร่เราเป็นตัวแทนทีมชาติ หัวใจ วินัยเรื่องการทำงานกับทีมชาติมันมากกว่าคำว่าสโมสรมากกว่าอะไรทั้งสิ้น มันเป็นคำพูดที่คุยไปได้ทั้งชีวิต แต่เดี๋ยวนี้เด็กไทยไม่มี เพราะนักเตะชุดนี้เล่นยังไงก็ติด ยังไงเดี๋ยวเขาก็เรียก ทำให้ถูกลดคุณค่าตรงนี้ลงไป”

“คำว่าข้ามอาเซียนในมุมที่ผมบอก การจัดการ วิธีการเล่น ผลการแข่งขัน อะไรที่เราสามารถมองว่าเราจะข้ามมันได้บ้าง สมมติเราอัดฉีด 10 ล้านเพื่อชนะเกมนี้ แต่ลืมมองว่า 10 ล้านนั้นเอามาลงให้เด็กเตรียมทีม อยู่ดีกินดี มันมีความสุขกว่านะ”

“ผมมองว่า ยังมีเด็กที่มีความสามารถเขายังไม่ได้รับโอกาสอีกเยอะ แต่เราจะทำอย่างไรให้พวกเขาได้รับโอกาสหรือมีเส้นทางที่เดินแล้วมีตัวเลือก ไม่มีดีอย่างไรก็ค่อยนำไปพัฒนาต่อ”

สำหรับ ‘โค้ชจุ่น’ อนุรักษ์ ศรีเกิด เคยทำหน้าที่เฮดโค้ชทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี และเคยเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ ยุค อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น โดยต้นปี 2022 เพิ่งถูก สงขลา เอฟซี สโมสรในศึกมังกรฟ้า ลีก โซนภาคใต้ แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาสตาฟฟ์โค้ชชุดใหญ่ของทีม

ข่าวฟุตบอลไทยอื่น ๆ