“แชมป์” พีรพล เอื้ออารียกูล ผู้สมัครตำแหน่ง “กรรมการกลาง” ในทีมของ พอลลีน งามพริ้ง ซึ่งถูกวางให้ดูแลด้านการสร้างทักษะนอกสนามและเสนอไอเดียให้เกิด Sport-Entertainment เปิดเผยว่าหากได้รับการเลือกตั้งเป็นหนึ่งในสภากรรมการ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะขอพัฒนาวงการ

“ทุกคนรู้ปัญหาของฟุตบอลไทยจริงๆ คืออะไร แต่มันมีอุปสรรคบางอย่างที่ไม่สามารถพูดได้ ฉะนั้นผมคิดว่านอกจากที่เราจะพัฒนามาตรฐานและความเป็นอยู่ของผ้เล่น องค์กรแล้วเนี่ยะ พี่ๆ สื่อมวลชนก็ต้องมีศักดิ์ศรีเช่นเดียวกัน”

“ผมมีประสบการณ์โดยตรงกับตอนที่ผมถูกเชิญไปร่วมงานกับทีมระดับโลก เวลาที่ผมอยู่ในห้องแถลงข่าวผมเจ็บหัวใจมาก เพราะว่าเป็นเกมเกมนึงที่ทีในยุโรปเป็นแชมป์ เขาเดินไปจับมือกับนักข่าวในตะวันตกทุกคน แต่เวลาเขาเห็นนักข่าวจากไทยจากเอเชียไป เราได้รับการปฏิบัติตรงกันข้าม เขาบอกเขาจะไม่เกินมาจับมือกับเรา อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ฟุตบอล”

“ซึ่งตรงนี้ที่ผมเคยร่วมงานกับทีมนะดับโลก ทีมระดับโลกต้องมาจ่ายเงินให้ผม ผมอยากให้กีฬาเป็นซอฟเพาเวอร์

“มาวันนี้มีคนร้องว่านักบอลไทยอยากเจอทีมระดับโลกเพราะเราอยากไปแลกเสื้อกับเขา แต่เราทำอย่างไงให้ ซน เฮือง มิน อยากมาขอแลกเสื้อกับนักบอลไทย ผมว่าเรื่องตรงนี้หลายคนอาจยังไม่ได้คิด”

“แต่ถ้าคุณต้องการจะก้าวขึ้นเป็นประเทศที่วันนึงเขาบอกว่านักข่าวไทยมีความสำคัญ โค้ชคนไหนก็ตามต้องมาขอเช็คแฮนด์กับนักข่าวไทย ไม่ใช่ไม่เห็นค่าเรา ต่างชาติถามได้ของเราอยู่ข้างหลัง อันนี้เป็นสิ่งที่ผมเองอยู่ในวงการสื่อมาเกือบ 20 ปี ทราบถึงอุปสรรคและบาดแผลในใจของทุกๆ คน และถ้ามีโอกาสผมบอกเลยไม่ใช่เฉพาะ ทีมชาติไทย แต่สื่อมวลชนและแฟนบอลไทยจะได้รับการพัฒนาเช่นเดียวกัน”

“และเราก็เข้าใจว่าวันนี้โอกาสเราอาจจะไม่เยอะ แต่สิ่งที่เราต้องการสะท้อนไปหาพี่น้องประชาชนคือคุณพอลลีนต่อสู้กับตัวเองตั้งแต่เป็นหนุ่มหล่อจนแปลงเพศ และการที่แปลงเพศและมารู้ว่าต้องเจอศึกสงครามที่โอกาสชนะน้อยมาก แต่นี่คือความคิดของกีฬา”

“เรอัล มาดริด มีนักเตะระดับโลก แต่มี 11 คน แต่ละคนมีขา 2 ข้าง ถ้าเราทุกคนคิดว่าเจอยยักษ์ใหญ่ยังไงก็แพ้ไม่ลงแข่ง แล้วเราจะเปลี่ยนได้อย่างไร ผมคิดว่าชัยชนะของเราได้เกิดขึ้นแล้วในการที่เรารู้ว่าเราไม่ใช่คนที่มีเงินมหาศาล เราไม่ได้มีนามสกุลโด่งดัง แต่เรารู้ว่าเราต้องการสะท้อนความเปลี่ยนแปลง แล้วผมเชื่อว่าทุกคนในนี้ก็ทราบดี ก็ขอเป็นกำลังใจและสู้ไปด้วย”