ทันทีที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เข้าตลาดเพื่อเดินหน้าช้อปปิ้งนักเตะเข้าสู่ทีมสำหรับฤดูกาลใหม่ 2023/24 และได้ตัว ชนาธิป สรงกระสินธ์ มาร่วมทีม ทำให้พวกเขากลายเป็นตัวเต็งในการลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้ทันทีทันใด

ปฏิเสธไม่ได้ว่า บีจี ปทุม ยูไนเต็ดใช้เงินมหาศาลเพื่อไล่ล่าความสำเร็จ โดยเฉพาะตำแหน่งแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 2 ที่ลึกๆ แล้วพวกเขาคาดหวังว่าจะได้ในฤดูกาลนี้ แม้ ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสรฯ จะเคยบอกเอาไว้ว่าไม่ได้คาดหวังก็ตาม

การแต่งตั้ง ธงชัย สุขโกกี เข้ามาเป็นเฮดโค้ช อาจดูขัดกับภาพของ บีจี ปทุม​ เล็กน้อย เพราะที่ผ่านมานิยมใช้ต่างชาติเป็นหลัก แต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 3 ฤดูกาลก่อน (2020/21) พวกเขาเป็นแชมป์ไทยลีกด้วยการใช้โค้ชคนไทย คือ ดุสิต เฉลิมแสน

“โค้ชธง” เข้ามาพร้อมดีกรีแชมป์ไทยลีก 2 กับ นครปฐม และหากย้อนกลับไปเขาพาต้นสังกัดที่คุมอยู่ได้แชมป์และเลื่อนชั้นมาตั้งแต่ไทยลีก 4 ถึงไทยลีก 3

ทุกอย่างค่อนข้างลงตัวที่ทำให้แฟนบอล “เดอะ แรบบิท” จะตั้งความหวังว่าฤดูกาลนี้แหละที่พวกเขาจะได้เชิดหน้าชูตา ไม่ต้องก้มหน้าหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนที่ผ่านมาแล้ว

แต่เมื่อการแข่งขันผ่านไป 5 เกมปรากฏว่าบีจีปทุมฯ รั้งอันดับ 5 ของตาราง ไทยลีก ชนะ 2, เสมอ 2, แพ้ 1 มี 8 คะแนน

หันมองขึ้นไปข้างบนตามหลัง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงร่วมถึง 5 คะแนน ทั้งที่เตะเท่ากัน

อาจมองดูว่าไม่เยอะกับ 25 เกมที่เหลือ แต่เมื่อหันไปดูสภาพทีม เล่นเอาแฟนบอลถึงกับถอนหายใจ

“เรามีผู้เล่นบาดเจ็บหลายคนและต้องวางแท็คติกระบบการเล่นตามสภาพผู้เล่นที่มีอยู่” ธงชัย กล่าวหลังจบเกม ไทยลีก นัด 2 ที่เปิดบ้านเสมอ พีที ประจวบ เอฟซี 0-0 ซึ่งเป็นการเก็บแต้มที่ 2 ของฤดูกาล หลังจากนัดแรกบุกเสมอ โปลิศ เทโร 2-2

“เราปรับระบบมาเป็น 3-5-2 (เสมอ ประจวบ 0-0) จากเกมแรก 4-3-3 (เสมอ เทโร 2-2) ซึ่งนักเตะก็เล่นได้ดี แต่มีปัญหาเรื่องการจบสกอร์ รวมถึงการเปลี่ยนตัวหรือจัดทัพ ส่วนนึงเป็นการแก้ไขเพราะนักเตะบาดเจ็บเยอะ อย่างวันนี้เราไม่มีปีก เลยต้องเล่นระบบวิงแบ็กแทน”

จะเห็นได้ว่า ธงชัย ให้เหตุผลเรื่องของอาการบาดเจ็บเป็นประเด็นหลัก ทำให้ออกสตาร์ทไม่ค่อยดี และมีส่วนทำให้ต้องจัดทัพหรือระบบการเล่นตามนักเตะที่มีอยู่

แต่แน่นอนว่า ธงชัย ถูกตั้งคำถามถึงบางตำแหน่งว่าหากจัดทัพตามผู้เล่นที่มีอยู่จริงๆ แล้วเหตุใดถึงต้องเอา พิธิวัต สุขจิตต์ธรรมกุล ไปเล่นวิงแบ็คซ้าย ทั้งที่มีแบ็กซ้ายอาชีพพร้อมลงสนาม ไม่ว่าจะเป็น อภิสิทธิ์ โสรฎา หรือ วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร ที่ฟิตเต็มถัง

“พิธิวัต ถูกจับไปเล่นวิงแบ็กซ้าย แต่แทบไม่ได้เป็นระบบตายตัว จะเห็นได้ว่าเล่นไปซักพักเขาขยับเข้าไปตรงกลาง ชนาธิป สลับมาริมเส้น แท็กติกเราค่อนข้างยืดหยุ่น” ธงชัย กล่าว

หลังจากสองเกมแรกทำได้เพียงแค่เสมอทั้ง 2 นัด ทว่า 3 เกมหลังจากนั้น ธงชัย พาทีมชนะรวด ไล่ตั้งแต่ฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียส์ลีก รอบเพลย์ออฟ บุกชนะ เซี่ยงไห้ พอร์ต 3-2 กลับมาเล่น ไทยลีก บุกชนะ อุทัยธานี 2-0 และเปิดบ้านชนะ เมืองทอง ยูไนเต็ด 5-2 ซึ่งทั้ง 3 เกม เล่น 3-5-2 ทุกนัด

อย่างไรก็ตาม 2 เกมต่อมา พาทีมบุกแพ้ อุลซาน ฮุนได 1-3 (ACL) และบุกแพ้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 0-2 ซึ่ง 3-5-2 ถูกโจมตีอีกครั้ง

“ผลการแข่งขันไม่ได้ดั่งใจ แต่เราก็ต้องแยกเป็น 2 ประเด็นก่อน” โค้ชธง กล่าวหลังแพ้ แบงค็อก

“ประเด็นแรก ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เรามีการปรับแท็คติค พยายามใช้นักเตะที่อยู่ในสภาพร่างกายสมบูรณ์ที่สุด แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีพอกับผลการแข่งขันที่เราต้องการ และต้องยอมรับว่านักเตะของเราถูกใช้งานเยอะ มีอาการบาดเจ็บ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลการแข่งขันไม่ได้ดั่งใจ รวมถึงเรื่องแท็คติคการเล่นด้วย ที่เราทำไม่สำเร็จ”

“ธีรศิลป์ แดงดา ล้าจากเกมทีมชาติและ บีจี มาอย่างหนัก เขามีอาการบาดเจ็บ ทำให้ลงเล่นไม่ได้ จนทำให้เราต้องใช้ดาวรุ่งที่ไม่เคยเล่นบอลลีกเลยลงไป เช่นเดียวกับ ชนาธิป เป็นตะคริวเพราะไม่มีแมตช์ฟิต เขาเพิ่งกลับมาซ้อมได้ 2-3 ทำให้หมดแรง และเราต้องเปลี่ยนออก”

“เราส่งรายชื่อครบ 20 คนก็จริง แต่เล่นไม่ได้ 2-3 คน โดยเฉพาะตำแหน่งกองหลัง เหลือน้อยมาก และ กองหน้าด้วย ทุกคนยังอยู่ในช่วงพักฟื้น ยอมรับว่ามีผลแน่นอน ในอีกสองเกมข้างหน้ากับ ลำพูน และ ยะโฮร์ ก็ต้องมาดูว่าเกมในบ้านที่เราต้องเน้นก่อน สภาพความพร้อมของนักเตะที่เหลืออยู่ ใครพร้อมที่สุด”

จะเห็นได้ว่าในทุกครั้งที่ทีมผลงานไม่ดี “โค้ชธง” จะยกเอาเหตุผลเรื่องสภาพร่างกายของผู้เล่นมาเป็นประเด็นเสมอ นั่นจึงเป็นคำถามย้อนกลับไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ขณะเดียวกันการจัดแท็กติกระบบการเล่นยังคงถูกตั้งคำถามเหมือนเดิม เพราะหากย้อนกลับไปตอนเสมอ พีที ประจวบ 0-0 “โค้ชธง” บอกว่าจัดแท็คติกตามผู้เล่นที่มีอยู่ แต่ พิธิวัต ก็ยังคงเล่นแบ็กซ้ายตัวจริง ทั้งที่ อภิสิทธิ์ กับ วัฒนากรณ์ ก็สมบูรณ์

นอกจากนั้นระหว่างเกมกับ แบงค็อก น.64 ชนภัช บัวพันธ์ เซ็นเตอร์ที่มีอารบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออก “โค้ชธง” ส่ง วัฒนากรณ์ ลงมา ซึ่ง ณ ตอนนั้นใครก็คิดว่าระบบการเล่นจะต้องเปลี่ยน แต่ที่ไหนได้ “โค้ชธง” ยังเล่น 3-5-2 เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือให้ พิธิวัต ไปยืนเป็นเซ็นเตอร์แทน ชนภัช ซะอย่างนั้น

ก่อนที่ 5 นาทีต่อมา บีจี จะเสียประตูให้ แบงค็อก!!!

3-5-2 ของ “โค้ชธง” ดูจะสวนทางกับคำพูดที่ว่า “จัดทัพตามผู้เล่นที่มี” เพราะดูเหมือนว่าผู้เล่นที่มีไม่ได้ตอบสนองกับระบบนี้เท่าไหร่

หลังจากนี้ “เดอะ แรบบิท” จะพลาดไม่ได้อีกแล้ว เช่นเดียวกับ “โค้ชธง” ที่หลายคนมองว่าหากไม่สามารถพาทีมกลับมาอยู่ในเส้นทางหรือถูกทีมนำทำแต้มทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ ก็อาจจะอยู่ไม่ครบเทอม

ซึ่ง 3-5-2 ที่ “โค้ชธง” เชื่อมั่น…จะเป็นคำตอบ!!