ปิยะพงษ์ อัดสมาคมฯ อย่ารั้นไม่ใช้โค้ชกองหน้ามีประสบการณ์ช่วยยกระดับช้างศึก

ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตตำนานกองหน้า ทีมชาติไทย กระตุ้นสมาคมกีฬาฟุตบอล หาโค้ชกองหน้าเพื่อช่วยยกระดับทัพช้างศึก หลังพ่ายจุดโทษมาเลเซีย ในฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 48

ช้างศึก ปราชัยในบ้านต่อ มาเลเซีย ท่ามกลางแฟนบอล 16,219 คน ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จากการเสมอในเวลา 1-1 แต่แพ้จุดโทษ ทำให้หล่นไปชิงอันดับ 3 กับ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก อย่างไรก็ตามเกมในครึ่งหลัง ไทย มีโอกาสลุ้นประตูตีเสมอหลายครั้ง โดยเฉพาะ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าวัย 20 ปี ที่มีโอกาสยิงแบบได้ลุ้น แต่ยังเปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้

หลังจบเกม ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตกองหน้าทีมชาติไทย วิจารณ์เดือดถึงฟอร์มการเล่นช้างศึกว่า “แดนกลางมีหรือเปล่า ได้ลงเล่นไหม ชื่ออะไรผมไม่อยากกล่าว ขยับตัวแบบไหน ทำไมกองหน้าไม่ได้บอลเลย มาโน่ ต้องทำการบ้าน เห็นแบบนี้ผมเห็นสีดำในบอลไทย”

“ครึ่งหลัง มาโน่ เปลี่ยนเร็ว ต้องชม ทำให้มีมิติมากขึ้น กลายเป็นว่าเป็นมิติของการเร่งร้อน ฟุตบอลมีอีก 45 นาที ไม่จำเป็นต้องเร่งทั้งเกม แต่คุณใส่ๆ พยายามเติมเกมรุกให้รุก แต่โดน มาเลเซีย บล็อกหมด ในบ้านได้เปรียบทุกอย่างได้แค่นี้ ครึ่งหลังดีขึ้น มีรูปแบบมากขึ้น”

“ตราบใดก็แล้วแต่ที่ฟุตบอลทีมชาติไทยไม่มีโค้ชกองหน้า มันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตในทุกรุ่นอายุ คุณฆ่าควายคุณเสียดายเกลือ แต่คุณไม่เคยเอากองหน้าที่มีประสบการณ์เยอะๆ อย่าง ศรายุทธ ชัยคำดี, พิพัฒน์ ต้นกันยา นักฟุตบอลที่มีประสบการณ์ในการเล่นกองหน้า เอาไปเป็นสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติในการพัฒนากองหน้าในทุกรุ่นอายุ ไม่มีเลย”

“ผมเห็นข้างสนามมีแต่คนที่ไม่ได้เป็นกองหน้า คนที่ไม่ได้เป็นอดีตนักบอลทีมชาติ คนที่ไม่ได้รู้ทางด้านศาสตร์ฟุตบอล พูดแล้วก็แบบทำไมคุณไม่มองจุดที่มันลึก การที่มีสตาฟฟ์อะไรก็แล้วแต่ คุณจะเพิ่มโค้ชกองหน้าอีกคน ซึ่งผมรณรงค์มา 2-3 ปี คุณก็ยังไม่ฟังผม”

“เหตุการณ์แบบนี้ก็ยังเกิดขึ้น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา หลุดเดี่ยวไป 2 ครั้ง มันต้องได้ประตูแล้ว ทำไมคุณไม่หาแบบนี้มาเติมให้ ศุภณัฏฐ์ มีความเฉียบคม มีความแข็งแกร่ง มันต้องเติมครับในจุดนี้ ขอความกรุณาเถอะครับสมาคม เอาโค้ชกองหน้าเข้าไปช่วยครับในทุกรุ่นอายุ มันจะเสียสักกี่ตังค์เองครับ ทุกคนยินดีที่จะเข้าไปช่วย แต่คุณไม่เคยเรียกอดีตทีมชาติ เรียกคนที่มีความสามารถเข้าไปช่วยเลย”

“ทำให้ทีมเจ็บปวดมาก คนไทยเจ็บปวดมาก ไม่ใช่นักฟุตบอลไม่ดีนะครับ แต่เป็นเรื่องของการถ่ายทอดให้นักฟุตบอลมากกว่า ต้องขอเรียนเลยว่าเราต้องมาแก้ไข ที่บอกจะก้าวข้ามอาเซียน คุณก้าวข้ามไปแล้วหรือยัง ก็ไม่ได้อีก กลับมาเหมือนเดิมเริ่มต้นใหม่อีก ร่วมมือร่วมใจกันเถอะครับ เชื่อคนในวงการฟุตบอลบ้าง ปรับปรุงแก้ไขยังทัน เราเป็นกำลังใจให้เสมอ เราผิดพลาดเราแก้ไขได้ แต่อย่าดื้อรั้นดื้อดึง ไม่งั้นฟุตบอลไทยจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ”

โปรแกรมนัดต่อไป ทีมชาติไทย จะพบกับ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ในนัดชิงชนะเลิศอันดับ 3 ของฟุตบอล คิงส์ คัพครั้งที 48 ที่ สนามกีฬา สมโภช เชียงใหม่ 700 ปี ในวันที่ 25 กันยายน 2565 เวลา 17.30 น. ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐทีวี และ เอไอเอส เพลย์

ข่าวฟุตบอลไทยอื่น ๆ