แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังใกล้จบฤดูกาลด้วยการมีคะแนนที่น้อยที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก และยังแพ้มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรบนเวทีนี้ด้วย เราจึงได้รวบรวมสถิติสุดช็อกของกุนซือ รูเบน อโมริม และลูกทีมหลังเกมพ่ายคาบ้านให้ วูล์ฟส์ เมื่อคืนวันอาทิตย์…

1. ฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดในพรีเมียร์ลีกของแมนฯ ยูไนเต็ดอย่างเป็นทางการ

การแพ้วูล์ฟส์ทำให้ยูไนเต็ดมีเพียง 38 แต้มจาก 33 นัด ขณะที่เหลือแค่ 5 เกมให้เล่น ถึงจะชนะรวดก็ยังทำคะแนนไม่ถึง 58 แต้มซึ่งเคยเป็นผลงานแย่ที่สุด ซึ่งเกิดขึ้นในฤดูกาล 2021/22 ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และราล์ฟ รังนิก

2. สถิติพ่ายแพ้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกของสโมสร

ความพ่ายแพ้นัดนี้เป็นนัดที่ 15 ในลีกฤดูกาลนี้ เยอะที่สุดที่สโมสรเคยเจอในยุคพรีเมียร์ลีก แซงหน้า 14 นัดที่แพ้เมื่อฤดูกาลก่อนภายใต้การกุมบังเหียนของ เอริค เทน ฮาก

3. โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ใช่ป้อมปราการเหล็กอีกต่อไป

แมนฯยูไนเต็ด แพ้เกมลีกในบ้านไปแล้ว 8 นัดในซีซั่นนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ซีซั่น 1962/63 ที่เคยแพ้ในบ้าน 9 นัด

4. เกมรุกไร้พิษสง ยิงไม่เข้าอีกตามเคย

หลังเกม อโมริมให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้ายิงไม่ได้ ก็ไม่มีวันชนะ” ว่าตรง ๆ เลยคือ แมนฯยูไนเต็ด ไม่สามารถยิงประตูได้ใน 9 นัดจาก 22 เกมลีกที่เขาคุม นับเป็นหนึ่งในทีมที่ยิงประตูน้อยที่สุดในช่วงดังกล่าว เป็นรองแค่เลสเตอร์ที่ตกชั้นไปแล้ว

5. ฮอยลุนด์ยังคงฝืดไม่เลิก

แม้อโมริมจะบอกว่าการยิงไม่ได้เป็น “ปัญหาของทั้งทีม” แต่หัวหอก 64 ล้านปอนด์อย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะตกเป็นเป้า เขาลงเป็นตัวจริง 31 นัด ยิงไปแค่ 6 ลูก และเพิ่งยิงได้ลูกเดียวในปี 2025 แถม 28 เกมหลังสุดยิงได้แค่ลูกเดียวเท่านั้น

6. เกมรุกมีโอกาส แต่จบไม่คม

ความจริงจะโทษฮอยลุนด์ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะการเปิดป้อนบอลไปถึงกองหน้าแย่มาก มีแค่ บรูโน่ แฟร์นันเดส คนเดียวที่ติดท็อป 50 ของลีกในสถิติ Expected Goals

นอกจากนี้ทีมยังพอมีการครอสบอล, การเข้าพื้นที่อันตราย, สัมผัสบอลในเขตโทษ, การผ่านบอลเข้าถึงพื้นที่สุดท้ายติดอันดับครึ่งบนของตารางภายใต้การคุมทัพของ อโมริม แต่ขาดคนจบสกอร์ หรือจังหวะสุดท้ายไม่ดีพอ

7. ยิงไม่ได้แถมรับก็รั่ว

แนวรับ แมนฯยูไนเต็ด รั่วสุดในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือ โดยเสียเฉลี่ยมากกว่า 1.5 ประตูต่อเกม แย่กว่าช่วงที่ รังนิก คุมทีมอีก ปัจจุบันพวกเขามีผลต่างประตูได้เสียแย่สุดเป็นอันดับ 5 ในลีกนับตั้งแต่ อโมริม เข้ามาคุม

8. เปเรร่าแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนโค้ชกลางซีซั่นก็เวิร์กได้

วูล์ฟส์ ดีขึ้นชัดเจนภายใต้ วิตอร์ เปเรร่า ตั้งแต่คุมทีมเกมแรกเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. พาทีมโกย 29 แต้ม มากกว่ายูไนเต็ดถึง 13 แต้มในช่วงเวลาเดียวกัน แถมยังทำแต้มได้ใกล้เคียงกับพวกลุ้นแชมเปี้ยนส์ลีกอย่าง แอสตัน วิลล่า อีกด้วย

9. ความพ่ายแพ้กลายเป็นเรื่องปกติของ อโมริม

หลังเกมแพ้วูล์ฟส์ อโมริมยอมรับว่า “มันน่าผิดหวังมาก” ซึ่งความรู้สึกแบบนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องชินแล้ว เพราะเขาแพ้ไป 11 จาก 22 เกมลีก (ชนะ 6 เสมอ 5) เท่ากับว่าเขาแพ้เท่ากับที่เคยแพ้ตลอด 114 เกมลีกสุดท้ายกับสปอร์ติ้งเลยทีเดียว

10. ขาดบรูโน่ = ขาดชีวิตชีวาในเกม

บรูโน่ แฟร์นันเดส ถูกวิจารณ์บ่อยในฐานะกัปตัน แต่เกมนี้แสดงให้เห็นว่าไม่มีเขาในสนาม เกมของยูไนเต็ดแทบไม่มีจังหวะจบที่ดี พอเขาลงมา เกมก็ดีขึ้นทันที และช่วยให้ฮอยลุนด์เกือบยิงได้ อีกทั้งยังได้โอกาสยิงเองแต่หลุดกรอบไป ตอนนี้ยูไนเต็ดไม่ชนะเลยใน 6 เกมลีกที่ไม่มีบรูโน่เป็นตัวจริง (เสมอ 1 แพ้ 5)